นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการมอบนโยบายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา และสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ได้สั่งการให้ทุกกรมฯ ช่วยกันแก้ปัญหาการกระจุกตัวด้านการส่งออกที่ส่วนใหญ่จะอยู่เฉพาะผู้ประกอบการายใหญ่ พร้อมกับส่งเสริมให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถส่งออก หรือค้าชายแดน และค้าผ่านแดนให้มากขึ้นคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
เนื่องจากที่ผ่านมา มีบริษัทนิติบุคคลในไทย 2 ล้านบริษัท และที่ทำธุรกิจจริงกว่า 900,000 ราย แต่เมื่อดูยอดส่งออกสินค้าของไทยในปีที่แล้วที่โต 5.5% พบว่ามูลค่าการส่งออกกว่า 90% จะตกอยู่กับบริษัทมหาชน และบริษัทขนาดใหญ่ เท่านั้น ส่วนยอดส่งออกที่มาจากเอสเอ็มอีมีแค่ 10% และที่สำคัญหากดูเฉพาะยอดส่งออกเอสเอ็มอี ในปีที่ผ่านมา ก็หดตัวไปถึง 6% สวนทางกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่ส่วนใหญ่จีดีพีของประเทศ จะมาจากธุรกิจเอสเอ็มอี มีสัดส่วนประมาณ 40-50%
“ดังนั้น เราอยากผลักดันให้รายได้ส่งออกจากเอสเอ็มอีมีเพิ่มขึ้น ให้มีสัดส่วนให้ได้ 35% ของภาพรวมการส่งออก โดยจะมุ่งเน้นการขายสินค้าผ่านค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลักก่อน เช่น ให้ส่งออกสินค้าชุมชนของไทย, สินค้าจีไอ แฟรนไชส์เพื่อเพิ่มรายได้ กระจายลงสู่ระดับรากหญ้า มากขึ้น ซึ่งหลังจากนี้จะมีการจัดงานแสดงสินค้า และจะจัดจับคู่เจรจาธุรกิจ โดยเชิญผู้ว่าจากเมืองต่างๆในประเทศเพื่อนบ้าน สมาคมการค้าในต่างประเทศของประเทศเพื่อนบ้านมาหารือในการช่วยลดอุปสรรคทางการค้า”
นายนภินทร กล่าวว่า ขณะนี้ ทุกกรมฯ ที่เกี่ยวข้อง กำลังจัดทำแผนงานบูรณาการร่วมกันอยู่ และจะเริ่มโปรโมตทำมหกรรมการค้าด่านใหญ่ๆ ในจังหวัดที่ติดชายแดนก่อน เช่น เชียงราย, อ.แม่สอด จ.ตาก, อ.สะเดา-ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา, หนองคาย, บุรีรัมย์ ซึ่งจะกระตุ้นให้การค้าชายแดนเติบโตได้ โดยตั้งเป้าหมายว่าในปี 67 ยอดการค้าชายแดนจะเติบโต 20% เพิ่มจากประมาณ 1 ล้านล้านบาท เป็น 1.2 ล้านล้านบาท แต่ต้องมีปัจจัยที่ต้องจับตา คือ ปัญหาเศรษฐกิจภายในเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม สินค้าส่วนใหญ่ของไทยเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีคุณภาพดีและราคาไม่แพง จึงน่าจะขายได้อยู่คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง